สร้อยข้อมือมงคล
      โทนสีขาว
      โทนสีเหลืองสีส้มสีน้ำตาล
      โทนสีชมพูสีแดง
      โทนสีเขียว
      โทนสีฟ้าสีน้ำเงิน
      โทนสีม่วงสีดำสีเทา
      โทนหลากสี
    เครื่องประดับ
      จี้และสัญลักษณ์เพิ่มเสน่ห์นำโชค
      แหวนความสุข
      ที่ห้อยกระเป๋า
      สินค้ามาใหม่
      ชุดคู่แม่ลูก
      ชุดเซทคู่เสื้อกางเกง
    Brandname และ Street brand ของแท้ค่ะ
    เครื่องสำอาง ครีมทาผิว แบรนด์ดัง ของแท้จากต่างประเทศ
    BEAUTY TIPS เรื่องดีๆ น่าอ่าน
   เสื้อผ้าแฟชั่น จั๊มสูท
    ดูดวง อมราวดี พยากรณ์
    ดวงประจำปี ดวงประจำสัปดาห์ ตามราศี
    ORGANICS Soap สบู่ออร์แกนิค
   เดรส
   ตรวจสอบเลขพัสดุ
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 5
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 839
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 7,650,547
 เปิดเว็บ 15/07/2554
 ปรับปรุงเว็บ 23/12/2567
 สินค้าทั้งหมด 488
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ

  Beauty & Variety Tips
ประโยชน์ของสีสันในผักและผลไม้
[5 มกราคม 2555 17:06 น.]จำนวนผู้เข้าชม 5529 คน

ผัก และผลไม้มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายของเรายิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารที่ช่วยในการย่อยและระบบขับถ่าย ยิ่ง ไปกว่านั้นสีสันของผักและผลไม้ต่าง ๆ ยังมีประโยชน์ อย่างที่เราคาดไม่ถึงอีกด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าสีของผักและผลไม้จะ ไปมีประโยชน์ได้อย่างไรกัน? ในความเป็นจริงแล้วสีสันสวยงามในพืชผักและผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นสีแดงสดใสในมะเขือเทศ สีเหลือง เปล่งปลั่งในมะม่วงสุก สีส้มเข้มข้นในแครอท หรือแม้แต่ผักต่าง ๆ ที่มีสีเขียวสด นอกจากจะช่วยให้เรามีความรู้สึกว่าอาหารนั้น มีหน้า ตาน่ารับประทานและมีรส ชาติเอร็ดอร่อยแล้ว สีสันที่ว่านี้ยังมีคุณประโยชน์และมีบทบาทมากพอ ๆ กับวิตามินเลยทีเดียว

 

สาร สีแต่ละชนิดให้คุณประโยชน์อย่างไรกับร่างกายของเรา มีผู้สนใจทางเคมีวิทยาของพืชที่ชื่อว่า มาร์ ฟาร์กัวสัน ได้ทำการแยกไว้อย่างคร่าว ๆ พอให้เข้าใจได้ง่ายดังนี้ค่ะ

 

1. สารสีส้ม -เหลืองได้แก่ เบต้าแคโรทีน (Betacarotene) ซึ่งเป็นเม็ดสีเหลืองส้มที่มีมากในแครอทและมะละกอ แคโรทีนเป็นสารที่มีศักยภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระอันเป็นตัวก่อมะเร็ง และแคโรทีนยังสามารถทำลายเซลล์มะเร็ง โดยผลจากการทดลองกับหนูพบว่าแคโรทีนทำให้ขนาดก้อนมะเร็งลดลงได้ถึง 7 เท่าทีเดียว แถมยังสามารถลดการขยายตัวของก้อนมะเร็งในปอดและกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ใน การต้านมะเร็ง นอกจากนี้ เบตาแคโรทีนที่อยู่ในแครอทและมะละกอยังช่วยให้ผิวพรรณของเรามี สีเหลืองสวยงามได้ อีกด้วย และหากใครรับประทานมะละกอห่ามมาก ๆ นาน 2 ปี จะช่วยเปลี่ยนสีผิวหน้าที่เป็นฝ้าให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งครีมแก้ฝ้าเลย กรณีของข้าวโพด จะมีสารลูทีน ซึ่งเป็น เเคโรทีนอยสีเหลือง จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสี หรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนแก่มองไม่เห็น

 

**

เนื่องจาก สารเบต้าแคโรทีน คือ สารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant) ที่เมื่อร่างกายได้รับมากกว่าความต้องการ จะหันไปทำหน้าที่ในทางตรงกับข้าม โดยกลายตัวเป็น "Pro-Oxidant" ซึ่งเป็นสารที่ส่งเสริม "การเกิด" อนุมูลอิสระ ด้วยเหตุผลเชิงชีวะเคมี

 

ด้วยเหตุนี้ การบริโภคเบต้าแคโรทีนในรูปแบบของอาหารเสริมที่มากเกินไป อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ขณะที่การรับประทานอาหาร เช่น มะละกอสุก ฟักทอง ตำลึง โอกาสที่ร่างกายจะได้รับสารนี้มากเกินไปจะเป็นไปได้ยาก เพราะเราจะอิ่มก่อนได้รับปริมาณมากเกินไป โดยมีกระเพาะเป็นผู้กำหนด

 

2. สารสีแดง ไลโคพีน (Lycopene) เป็นตัวการทำให้เกิดมะเขือเทศและแตงโมมีสีแดงสดใส แต่ก็ยังมีสาร เบต้าไซซิน (Betacycin) ที่ให้สีแดงในลูกทับทิม บีทรูท และแคนเบอร์รี่เช่นกัน โดยทั้งไลโคพีนและเบต้าไซซินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งหลายชนิดเช่นกัน โดยเฉพาะไลโคพีนมีฤทธิ์ต้านมะเร็งมากกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่าทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือมะเร็งปอด เป็นต้น และผลจากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ที่รับประทานอาหารใส่มะเขือเทศ ไม่ว่าจะเป็นซอสมะเขือเทศ หรือน้ำมะเขือเทศในหนึ่งอาทิตย์ไม่ต่ำกว่า 10 มื้อ จะแคล้วคลาดจากมะเร็งต่อมลูกหมากได้เกือบครึ่ง (*สนใจอ่านบทความเกี่ยวกับไลโคพีนอย่างละเอียดกว่านี้ไป ที่ http://pcog.pharmacy.psu.ac.th/thi/article8-51.asp)

 

3. สารสีเขียว ได้แก่ คลอโรฟีลล์ (Chlorophyll) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้พืชผักต่าง ๆ มีสีเขียว ยิ่งผักที่มีสีเขียว เข้มมากก็ยิ่งมีคลอโรฟีลล์มาก เช่น ตำลึง คะน้า บร็อกโคลี่ ชะพลู ใบบัวบก เป็นต้น โดยสารคลอโรฟีลล์ที่ว่านี้มีคุณค่าอย่างมาก

ประโยชน์ คือ ช่วยในการชำระล้าง ขจัดสารพิษ และสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย / รักษาสมดุล/ บำรุงรักษา คือเพิ่มปริมาณออกซิเจนและเม็ดเลือดแดง ช่วยเสริมบำรุงสุขภาพได้ดีขึ้น

 

3.1.ระบบเลือด บำรุงเลือด ล้างพิษ ทำลายอนุมูลอิสระ ในเม็ดเลือด แก้โรคโลหิตจาง และลดความดันโลหิตสูง แต่ไม่มีอันตรายกับผู้ที่มีความดันเลือด ปกติ

3.2 .ระบบทางเดินอาหาร คลอโรฟิลล์ล้างพิษโดยตรงในกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก สมานแผลในกระเพาะอาการกระตุ้นเนื้อเยื่อให้ฟื้นตัว

3.3.บำรุงปาก ฟัน ระงับกลิ่นปาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการโรค เหงือก อักเสบ

3.4 . รักษาแผลต่าง ๆ คลอโรฟิลล์ทำหน้าที่ ฟื้นฟู เนื้อเยื่อ ของแผลทุกชนิดทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ทั้งแผลเรื้อรัง แผลเป็นหนอง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลหายช้าหรือหายยากเช่นโรคเบาหวาน

3.5. ระงับกลิ่น กลิ่นเหม็นจากแผลเรื้อรัง หรือโรคแผลในช่องปาก จะหมดไปทันทีที่แผลสัมผัสกับคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ กลิ่นอุจจาระที่รุนแรง การผายลม หรือกลิ่นตัวที่มีกลิ่นแรงมาก การดื่มคลอโรฟิลล์จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้•

3.6. ควบคุมสมดุลของแคลเซียม ใครที่บริโภคเนื้อมากเกินไป จะขาดความสมดุลของธาตุแคลเซียม จะทำให้ป่วยเป็นโรคหลายชนิด ตั้งแต่โรคกระดูกผุ โรคหัวใจ โรคกล้ามเนื้อ โรคผิวหนัง โรคเลือดไม่แข็งตัวเมื่อมีบาดแผล ประจำเดือนผิดปกติ คลอโรฟิลล์จะช่วยควบคุมสมดุลของแคลเซียมในร่างกายได้ดี•

3.7. ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ เกิดจากการที่อากาศและอาหารเป็นพิษ โดยการสะสมติดต่อกันเป็นระยะ เวลานาน ทุกวันนี้จึงเจ็บป่วยกันบ่อยด้วยโรคหวัด น้ำมูกไหล เจ็บคอ ช่องหูอักเสบ ท้องเสีย ท้องผูกบ่อย ฯลฯ

 

4. สารสีม่วง พืชสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ให้สีม่วงในดอกอัญชัน กะหล่ำม่วง ชมพู่ มะเหมี่ยว มะเขือม่วง แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสารตัวนี้ช่วยลบล้างสารก่อมะเร็ง แถมสารแอนโทไซยานินยังออกฤทธิ์ในการขยายเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และอัมพาตได้อีกด้วย

 

5 . ผักสีขาว ที่ว่าก็ได้แก่ ดอกกะหล่ำ กระเทียม ขิง ข่า ขึ้นฉ่าย เห็ดเข็มทอง

สีชา และสีน้ำตาลเกิดจากสารให้สีในกลุ่มของ ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) เช่น แอนโธซานติน (เหลืองนวล) แทนนิน (ไม่มีสี)

ซึ่งฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระ อาจถือได้ว่าเป็นต้นตอของปัญหาที่เลวร้ายทั้งหลายภายในร่างกายคน เรา ไม่ว่าโรคหัวใจ ความแก่ความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ และโรคมะเร็งนอกจากนี้ผักในกลุ่มดังกล่าวยังมีสารประกอบหลายชนิดที่ นักวิจัยทั่วโลกให้ความสนใจ เช่น กระเทียมหัวหอม มีสารอัลลิซิน (allicin) ซึ่งช่วยป้องกันโลหิตสูง ลดคลอเลสเตอรอล อีกทั้งยัง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบ เมล็ดงามีสารเซซามินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มปริมาณวิตามินอีในร่างกาย รวมทั้งในงานวิจัย ยังพบว่า สามารถลดไขมันในกระแสเลือดและคลอเรสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วยอย่างไรก็ตามการรับประทานผักล้วนแล้วแต่มี ประโยชน์ทั้งสิ้น โดยแต่ละวันเราควรกินผักให้ได้ 5 กำมือต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นผักสีขาว สีเขียว สีม่วง สีส้ม สีแดงอย่ารับประทานให้ ครบทุกสีล่ะ.

 

ที่มา: 1 http://women.mthai.com

2 http://www.sapaiturk.com

3 thaifooddb.com

Beauty & Variety Tips
- หินแก้ราหู [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- โอม มณี ปัท เม หุม ทีมาและความหมายแห่งพระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์หัวใจแห่งพุทธวัชรญาณ [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- สังข์สิ่งมงคลมาแต่อดีต [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- เมล็ดรุทรักษะ เมล็ดน้ำตาพระศิวะ [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- การเลือกหินที่เสริมสิริมงคลสำหรับคนเกิดทั้ง ๗ วันค่ะ [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- อักษรโอม AUM [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- Evil Eye ดวงตาเทพเจ้าจากประเทศตุรกี [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- การทำความสะอาด และเพิ่มพลังให้หิน และอัญมณี [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- เทรนด์แฟชั่น 2015 สีไวน์แดง กำลังมาค่ะ [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
- ศาสตร์แห่งกลิ่นหอมระเหยเพื่อบำบัดสุขภาพ [5 มกราคม 2555 17:06 น.]
ดูทั้งหมด

  แสดงความคิดเห็น

ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ ตัวขีดกลาง ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา รูปภาพ ลิ้งก์ ขนาดต้วอักษร สีต้วอักษร

ชื่อ: *
E-mail : *
ไม่ต้องการแสดง Email
รหัสตรวจสอบ : Security Image
* กรุณากรอกรหัสที่อยู่ในรูป

hollyhockgal.com ร้านเสื้อผ้า,เดรสยาว,เสื้อผ้าคุณภาพ,กางเกงแฟชั่น,เดรสสวยน่ารัก,ชุดเดรสผ้าชีฟอง,แมกซี่เดรส,ชุดเดรสผ้าโพลีเอสเตอร์,กระโปรง,เดรส,ชุดไปงาน,เดรสทำงาน,เดรสหรู,ชุดเดรสฟรีไซส์,แฟชั่นเสื้อผ้า,กางเกงกระโปรงขายาว,เดรสสวย,เดรสน่ารัก,เสื้อผ้าแฟชั่น,ชุ
Engine by MAKEWEBEASY